การใช้ Headless CMS เพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนา Web Application

ในยุคดิจิทัล ที่ทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนา เว็บแอปพลิเคชัน เริ่มต้นด้วยการเลือกใช้ เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพ หนึ่งในเทคโนโลยี ที่กำลังเพิ่มความนิยม ในการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันก็คือ “Headless CMS” ซึ่งเป็นเครื่องมือ ที่สามารถช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น ในการสร้างเว็บแอปพลิเคชัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Headless CMS หรือ Content Management System แบบหัวไม่มีตัวแสดงผล คือ ระบบบริหารจัดการเนื้อหา ที่ช่วยในการสร้าง และจัดการเนื้อหา บนเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน โดยที่ไม่มีการผูกพัน กับหน้าเว็บหรืออินเตอร์เฟซ ที่แนบมา เป็นรูปแบบที่เน้นไปที่ การจัดเก็บ และจัดการข้อมูลโดยเฉพาะ และทำให้เนื้อหา สามารถนำไปใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม หรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น โดยสามารถใช้งานร่วมกับ Frontend Framework หรือ Application ต่างๆ ได้ตามต้องการของโปรเจกต์

นอกจากนี้ การใช้งาน Headless ยังช่วยให้การพัฒนา และการจัดการเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ในเรื่องของการอัปเดต และการปรับปรุงหน้าเว็บ และยังช่วยลดความซับซ้อน ในการบริหารจัดการระบบโดยรวม ทำให้นักพัฒนา สามารถใช้เวลา และแรงงาน ในการพัฒนาฟีเจอร์ หรือปรับปรุงระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นที่นิยมในการพัฒนาเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันในยุคปัจจุบัน

ประโยชน์ของ Headless CMS

Headless ช่วยให้การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยมีประโยชน์หลักๆ ดังนี้

  1. ความยืดหยุ่นในการสร้างแอปพลิเคชัน: การใช้ Headless ช่วยให้นักพัฒนา สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่หลากหลาย และเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า ได้อย่างสะดวก โดยไม่จำเป็นต้องจำกัด โดยรูปแบบของ Content Management System ที่ใช้
  2. ประหยัดเวลาในการพัฒนา: การใช้ Headless ช่วยลดเวลาในการพัฒนา โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดการข้อมูล หรือการจัดการเนื้อหา ทำให้นักพัฒนาสามารถใช้เวลามากขึ้น ในการพัฒนาฟีเจอร์หรือการปรับปรุงประสิทธิภาพ ของแอปพลิเคชัน
  3. ประสิทธิภาพที่ดีกว่า: Headless ช่วยลดภาระในการประมวลผลข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับการแสดงผล ทำให้แอปพลิเคชัน มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ในการโหลดและประมวลผลข้อมูล

คุณสมบัติของ Headless

Headless มีคุณสมบัติหลักๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน ได้แก่

  1. API-First Approach: มีการออกแบบ โดยใช้วิธีการเน้น API ซึ่งช่วยให้การสื่อสาร ระหว่างแอปพลิเคชันกับข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น และยืดหยุ่น
  2. Content Modeling: ช่วยให้นักพัฒนา สามารถออกแบบโครงสร้างของเนื้อหา ได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างได้ ตามความต้องการ
  3. Microservices Integration: สามารถผนวกกับบริการอื่นๆ เช่น บริการการจัดเก็บข้อมูล หรือบริการสำหรับการจัดการการเสนอผล ได้อย่างสมบูรณ์และยืดหยุ่น

ความแตกต่างระหว่าง Headless และ traditional Content Management System

  1. การแสดงผลเนื้อหา Traditional มักมีการแสดงผลเนื้อหา ผ่านทางหน้าเว็บ หรืออินเตอร์เฟซ ที่ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับ Content Management System โดยตรง และมักมีความเชื่อมโยงแบบแนบเนียน ระหว่างเนื้อหาและการแสดงผล Headless ไม่มีการแสดงผลเนื้อหาในตัว Content Management System โดยตรง แต่จะให้เน้นการจัดเก็บ และจัดการเนื้อหาโดยเฉพาะ โดยเนื้อหาจะถูกนำไปใช้งานผ่าน API และสามารถแสดงผลได้ที่หน้าเว็บ หรือแอปพลิเคชันผ่านช่องทางที่ต่างกัน
  2. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน Traditional มักมีความยืดหยุ่น ในการใช้งานที่เกี่ยวข้อง กับการแสดงผล แต่มักมีข้อจำกัด ในการปรับแต่ง หรือใช้งานในแพลตฟอร์ม หรืออุปกรณ์ที่แตกต่างกัน Headless มีความยืดหยุ่นสูง ในการใช้งาน เนื่องจากสามารถนำเนื้อหา ไปใช้งานได้ในหลายแพลตฟอร์ม หรืออุปกรณ์ต่างๆ ไม่จำกัดเพียงแค่หน้าเว็บ และยังสามารถปรับแต่ง หรือสร้างแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ตามต้องการ
  3. การปรับแต่งและการพัฒนา Traditional มักมีการจำกัดในการปรับแต่ง หรือพัฒนาเพิ่มเติม เนื่องจากมักมีโครงสร้างและอินเตอร์เฟซที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า Headless มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งและพัฒนาเพิ่มเติมได้มากขึ้น เนื่องจากมุ่งเน้นไปที่การจัดเก็บข้อมูลและการใช้งานผ่าน API ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่มีความสอดคล้องกับความต้องการของโครงการได้ตามต้องการ
  4. ประสิทธิภาพและการปรับปรุง Traditional มักมีความยากในการปรับปรุงและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เนื่องจากมักมีการผูกพันกับโครงสร้างและระบบที่มีอยู่ Headless มีความยืดหยุ่นในการพัฒนาและปรับปรุงฟีเจอร์ใหม่ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการทำงานผ่าน API ทำให้สามารถเพิ่มหรือปรับปรุงฟีเจอร์โดยไม่ต้องมีผลกระทบต่อการใช้งานของเนื้อหา

ความยากง่ายในการใช้งาน

การใช้งาน Headless มีความยากง่ายต่างกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ของนักพัฒนาแต่ละคน สำหรับนักพัฒนาที่มีประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยี API หรือ การพัฒนาแอปพลิเคชันบนพื้นฐานของเว็บเซอร์วิส Web Service

ความนิยมต่อ Headless จากเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน

Headless เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในวงการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ด้วยความยืดหยุ่น และความสามารถ ในการปรับใช้ ตามความต้องการ ของโครงการต่างๆ มากขึ้น นี่คือเหตุผลที่ความนิยมต่อ Headless ก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง

  1. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน Headless มีความยืดหยุ่นที่สูงมาก เนื่องจากมันไม่จำกัดในการใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มหรือเทคโนโลยีใด ๆ ทำให้นักพัฒนา สามารถใช้งานได้ บนแพลตฟอร์มที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) แอปพลิเคชันมือถือ (Mobile Application) หรือแม้กระทั่ง IoT (Internet of Things)
  2. ประสิทธิภาพและความเร็ว การใช้ Headless ช่วยลดภาระ การประมวลผลข้อมูล ของแอปพลิเคชัน ทำให้มีประสิทธิภาพ และความเร็ว ในการโหลดข้อมูลที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาส ในการเกิดปัญหาเมื่อมีการเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
  3. ความสามารถในการปรับแต่ง Headless มีความสามารถในการปรับแต่งที่สูง เนื่องจากมันไม่จำเป็นต้องใช้รูปแบบหรือโครงสร้างที่กำหนดมาจาก Content Management System เพื่อการแสดงผล นักพัฒนาสามารถออกแบบ และปรับแต่งเนื้อหาตามความต้องการของโครงการ ได้อย่างอิสระ
  4. การพัฒนาแบบ Microservices Headless เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการพัฒนาแบบ Microservices ที่ช่วยให้สามารถผนวกไปกับบริการอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น เช่น บริการการเก็บข้อมูล หรือบริการสำหรับการจัดการ การนำเสนอ Present ซึ่งเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการพัฒนา
  5. ความสามารถในการปรับใช้กับเทคโนโลยีใหม่ๆ Headless มีความสามารถในการปรับใช้กับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การใช้งานร่วมกับ Blockchain เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลหรือการใช้งานร่วมกับ AI เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจที่ถูกต้องมากขึ้น

List of Headless

  1. Strapi
  2. Directus
  3. DecapCMS
  4. Contentful
  5. Sanity
  6. KeyStone
  7. Statamic

จริงๆแล้ว มีเยอะมากๆ อีกหลายตัวที่น่าสนใจ แต่อันนี้ยกมาให้ดู คัดมาให้เป็นน้ำจิ้มกันก่อน แม้แต่ WordPress หรือ Ghost ก็ยังสามารถทำหน้าที่เป็น Headless ได้ด้วยเช่นกัน

คุณอาจสนใจเรื่องนี้

Chatbot เครื่องมือที่หลายๆเว็บเลือกใช้

คุณพ่อของน้องเกี้ยมอี๋ ไม่รู้ว่าใครซนกว่ากัน ทำงานเป็นโปรแกรมเม่า และ System Analyst ประจำบ้าน ดูหนัง ดูซีรี่ย์ เล่นเกมส์กับลูกชาย และเขียนบทความ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back To Top