System Analyst เมื่อการวิเคราะห์ระบบกลายเป็นเครื่องมือพัฒนาตัวเอง

System Analyst Become tool

คำถามหนึ่งที่ผมชอบถามตัวเองที่เป็น System Analyst ประจำคือ

“ถ้าชีวิตเราคือระบบหนึ่งระบบ เราเข้าใจมันมากแค่ไหน?”

อาชีพของผมคือ System Analyst หน้าที่หลักคือการวิเคราะห์ระบบ เพื่อให้รู้ว่าอะไรทำงานยังไง อะไรเชื่อมต่อกันบ้าง และตรงไหนที่ต้องปรับปรุงเพื่อให้ระบบดีขึ้น

ฟังดูเหมือนงานเฉพาะทางในโลกเทคโนโลยีใช่ไหมครับ?

ผมไม่ได้แค่ทำงาน ผมใช้วิธีทำงานมาออกแบบชีวิต

คุณอาจคิดว่า “System Analyst” คือคนที่นั่งวาดไดอะแกรม ประชุมกับลูกค้า แล้วก็ส่งต่อ requirement ให้ทีม Dev ทำต่อ แต่สำหรับผม…… ใช่แล้วครับ เอ้ย…. ยังไม่ใช่ แต่ผมว่า… มันมากกว่านั้น

สิ่งที่ผมได้จากอาชีพนี้ ไม่ได้จบที่เอกสาร SRS หรือ Flowchart แต่คือ “กรอบความคิด” ที่เปลี่ยนวิธีมองโลก วิธีจัดการชีวิต และแม้กระทั่งวิธีเลี้ยงลูก

ในบทความนี้ ผมอยากเล่าให้คุณฟังว่า การวิเคราะห์ระบบ กลายมาเป็นเครื่องมือพัฒนาชีวิตผมอย่างไร

แต่เชื่อไหมว่า วิธีคิดแบบนี้ มันหลุดออกมาจากงาน และค่อยๆ ซึมเข้าสู่ทุกมุมของชีวิตผม ตั้งแต่การจัดการเวลา ความสัมพันธ์ ไปจนถึงการเลี้ยงลูก

วันนี้ผมอยากแบ่งปันมุมมอง อีกมุมหนึ่งของชีวิต ที่อาจทำให้คุณมองการทำงาน และการใช้ชีวิตด้วยสายตาใหม่ มุมมองใหม่ๆ สายตาของการเป็น นักวิเคราะห์ที่ไม่ได้มองแค่ “ระบบซอฟต์แวร์” แต่ “ระบบชีวิต”

🎯 เข้าใจปัญหาก่อนแก้: หลักง่ายๆ ที่ใช้ได้ทั้งในงานและชีวิต

ผมเคยมีช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าชีวิตไม่เป็นระบบเลย
เหนื่อยง่าย หงุดหงิดบ่อย งานก็ล้น ลูกก็เรียกร้องความสนใจ

จนวันหนึ่งผมหยุดทุกอย่าง แล้วลองใช้วิธีคิดแบบที่ใช้ตอนทำงาน

“Pain point คืออะไร?”
“มี Process ไหนที่กำลังทำงานไม่ดี?”
“อะไรคือ Input ที่เข้ามาเกินความสามารถ?”
“Output ที่อยากได้จริงๆ คืออะไรแน่?”

“ตัวแปรอะไรบ้างที่ทำให้ระบบนี้ติดขัด?”

มันฟังดูเหมือนบทสนทนาในห้องประชุมกับลูกค้า แต่นั่นแหละครับ ผมเอาวิธีวิเคราะห์ระบบมาใช้กับชีวิตตัวเอง

ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่คำตอบที่เปลี่ยนโลก แต่มันเปลี่ยนมุมมองของผมทั้งหมด

📊 ชีวิตที่ดี ไม่ได้เกิดจากการทำให้สมบูรณ์แบบ แต่จากการ “ออกแบบให้เหมาะกับตัวเอง”

เวลาผมวิเคราะห์ระบบให้ลูกค้า หนึ่งในคำถามสำคัญคือ

“ใครคือ User?”

เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าใครใช้งาน เราก็ออกแบบอะไรที่เหมาะไม่ได้

กับชีวิตก็เหมือนกันครับ
User ของชีวิตเราก็คือตัวเราเอง

ตอนที่ผมยังพยายามจะ “ใช้ชีวิตให้เหมือนคนอื่น” ผมเหนื่อยมาก เพราะมันไม่เข้ากับผมเลย

ผมจึงเริ่มออกแบบตารางชีวิตใหม่ให้เข้ากับธรรมชาติของตัวเอง เช่น

  • ตื่นเช้าขึ้นนิดหน่อย เพื่อมีเวลาเงียบๆ ก่อนเริ่มต้นงานกับวันใหม่
  • ใช้เวลาเช้าออกแบบวันทั้งวันให้ “Flow” ไม่สะดุด
  • วางแพลนรายสัปดาห์เหมือนออกแบบ workflow
  • ทำ To-do list ที่ไม่ยาวเกินไป
  • เว้นเวลาว่างไว้สำหรับ “เหตุไม่คาดฝัน” ที่มักจะเกิดทุกวัน
  • จัดมุมทำงานให้ไม่รกเกินไป เพราะสมองผมจะรวนถ้าโต๊ะรก เชื่อดิ! มันเป็นอย่างงั้นจริงๆ

ระบบที่ดีไม่ต้องเหมือนใคร แค่ต้องเหมาะกับ “ผู้ใช้งาน” จริงๆ

⚙️ ชีวิตต้องมี Error Handling เหมือนระบบที่ดี

ระบบดีไม่ได้แปลว่าไม่มีปัญหา แต่มันรับมือกับปัญหาได้ ในโลกของการพัฒนาระบบ ไม่มีระบบไหนที่ไม่มีบั๊ก ไม่มีปัญหา ในงานระบบ เรารู้ดีว่า “ระบบที่ไม่มีบั๊ก” ไม่มีอยู่จริง ชีวิตก็เช่นกัน แทนที่จะพยายาม “ไม่ให้ชีวิตมีปัญหา” ผมเลือกออกแบบชีวิตให้มี Error Handling ที่ดี

แต่สิ่งที่แยก “ระบบพัง” ออกจาก “ระบบดี” คือ
มันมีแผนรองรับความผิดพลาดหรือเปล่า

ผมเอาหลักการนี้มาใช้กับชีวิตเลยครับ
ผมเรียกมันว่า “Error Handling for Life”

  • ถ้างานพัง จะพักยังไงให้ไม่รู้สึกผิด
  • ถ้าลูกงอแง จะตั้งสติแบบไหนก่อนตอบโต้

มันไม่ใช่แผนที่ตายตัว แต่มันคือ “แนวทาง” ที่ผมออกแบบไว้ เพื่อให้ระบบชีวิตไม่ล้มทั้งระบบเมื่อเกิดปัญหา

👨‍👦 เลี้ยงลูกเหมือนวางระบบที่ต้อง Scale ได้ในอนาคต

ผมมีลูกชายคนหนึ่งชื่อ อยู่ด้วยกันตลอด ชื่อน้อง “เกี้ยมอี๋” ตอนนี้เขาชอบออกกำลังกายมาก ชอบการวิ่ง การว่ายน้ำ กำลังพยายามโน้มน้าวให้ไปหัด ดำน้ำ ด้วยกันอยู่ และในขณะที่หลายคนมองว่าการเลี้ยงลูกคือการ “สอนให้ทำตาม”
ผมมองว่าการเลี้ยงลูกคือการวางโครงสร้างที่ดี เพื่อให้เขาเติบโตได้ด้วยตัวเอง

ผมเลยเริ่ม…

  • สร้าง “Flow” ให้เขา เช่น เช้าควรทำอะไรเองได้บ้าง
  • ออกแบบ “Rule” ที่ชัดเจน แต่ให้พื้นที่ในการตัดสินใจ
  • ปรับปรุง “UI/UX” ในบ้าน เช่น มุมหนังสือ มุมเสื้อผ้า ให้เขาเข้าถึงง่าย
  • เช็คผลลัพธ์เป็นระยะ เหมือนทำ UAT (User Acceptance Test) 😄

และที่สำคัญคือ ผมไม่ได้มองลูกว่าเป็นเด็ก
แต่เป็น “User ที่กำลังเรียนรู้และพัฒนา”

🧠 วิเคราะห์ชีวิตด้วยคำถาม ไม่ใช่คำตอบ

ผมเชื่อว่าในชีวิตของเรา เราไม่ต้องมีคำตอบตลอดเวลา
แต่เราควรมี “คำถามที่ดี” ที่จะช่วยให้เราค้นหาคำตอบในจังหวะที่เหมาะสม

คำถามที่ผมชอบใช้กับตัวเองมีอยู่ไม่กี่ข้อ แต่มีพลังมาก

  • วันนี้อะไรที่ทำให้เรารู้สึกติดขัด?
  • เราทำอะไรซ้ำๆ ที่ไม่ให้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไป?
  • มีส่วนไหนของชีวิตที่เรายัง “ไม่ได้วิเคราะห์” จริงๆ บ้าง?

🔍 System Analyst อาจไม่ได้เปลี่ยนโลก แต่เปลี่ยนมุมมองต่อชีวิตได้แน่นอน

อาชีพนี้สอนผมหลายอย่างมาก

มันไม่ได้ทำให้ผมเป็นคนที่ดูเก่งขึ้นในสายงานเท่านั้น
แต่มันทำให้ผมเข้าใจธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง การจัดการ และการอยู่ร่วมกับความไม่แน่นอนในชีวิต

เพราะสุดท้าย… ไม่ว่าคุณจะใช้เทคโนโลยีอะไร จะทำระบบอะไร
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “คุณเข้าใจระบบของตัวเองมากแค่ไหน”

System Analyst ชีวิตคือระบบที่ออกแบบได้ และเราคือนักวิเคราะห์ชีวิตของตัวเอง

ถ้าคุณรู้สึกว่าชีวิตวุ่นวาย ไม่เป็นระบบ ลองถอยออกมา แล้ววิเคราะห์มันด้วยสายตาของคนที่ไม่ได้ด่วนตัดสิน
บางที… คำตอบอาจไม่ได้ยากเท่าที่คิด
และคุณเองก็อาจกลายเป็น System Analyst ของชีวิตตัวเองได้ โดยไม่ต้องมีตำแหน่งในองค์กรไหนเลย

คุณอาจจะสนใจเรื่อง Oxygen กับสมองเกี่ยวกันอย่างไร

เครื่องมือดีๆช่วยจัดการชีวิตให้ง่ายขึ้น นอกจากกลุ่ม Google WorkSpace และ App Note Talking ต่างๆแล้ว ผมยังมีแนะนำเพิ่มเติมอีกคือ Tool 2 ตัวนี้ครับ
Notion
Trello

คุณพ่อของน้องเกี้ยมอี๋ ไม่รู้ว่าใครซนกว่ากัน ทำงานเป็นโปรแกรมเม่า และ System Analyst ประจำบ้าน ดูหนัง ดูซีรี่ย์ เล่นเกมส์กับลูกชาย และเขียนบทความ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back To Top